20 February 2012

เกษตรกรสหภาพยุโรปสูญเสียเมื่อผู้บริโภคต่อต้านพืช GMOs

เกษตรกรในยุโรปมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้แข่งขันที่ถูกทิ้งห่างในตลาดข้าวโลก เนื่องด้วยผู้บริโภคในสหภาพยุโรปคัดค้านสิ่งมีชีวิตที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs) ทุกชนิด เป็นผลให้การวิจัยด้านการเพาะปลูกพืชที่ให้ผลตอบแทนสูงและทนต่อศัตรูพืชต้องถูกคัดออกและไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
ที่ผ่านมาสหภาพยุโรปอนุมัติให้มีการเพาะปลูกพืชจีเอ็มโอเพียงชนิดเดียวคือ  ข้าวโพดมอนซานโตที่ทนต่อแมลง(MON810) การคัดค้านที่รุนแรงทำให้เยอรมนี, ออสเตรีย, กรีซ, ฮังการี, ลักเซมเบิร์กและบัลแกเรีย ห้ามการปลูกพืชดังกล่าว

การขอเลื่อนการชำระหนี้ของประเทศฝรั่งเศสซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของยุโรปเป็นโมฆะด้วยเหตุผลทางกฎหมายในเดือนพฤศจิกายน 2011 แต่รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะคืนสถานะการห้ามก่อนการเริ่มฤดูไถหว่านในบางภูมิภาคในปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2012 นี้
เป็นที่ชัดเจนว่าในทวีปที่เทคโนโลยีจีเอ็มโอสามารถเข้าถึงได้ พวกเขาจะไปได้เร็วกว่าในยุโรป ดังนั้นยุโรปจะสูญเสียในแง่ของการแข่งขันเมื่อเทียบกับส่วนอื่น ๆ ของโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับข้าวโพดเลี้ยงปศุสัตว์
ในปี 2007 ก่อนที่ฝรั่งเศสจะกำหนดเลื่อนการชำระหนี้ของตน สายพันธุ์พืชจีเอ็มโอป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียผลผลิตเนื่องจากศัตรูพืชเฉลี่ย 0.5 ตันต่อเฮกเตอร์ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 100 ยูโรต่อเฮกเตอร์ ทั้งนี้รวมต้นทุนค่าเมล็ดพันธุ์พืชจีเอ็มโอที่มีราคาสูงกว่าเมล็ดพันธุ์พืชธรรมดา 35-40 ยูโรต่อเฮกเตอร์แล้ว
พันธุ์ข้าวโพด MON810 ช่วยเกษตรกรประหยัดสารกำจัดศัตรูพืชได้ 8,800 ลิตรและน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ฉีดพ่นถึง 30,000 ลิตร 
อย่างไรก็ตามความเสียหายในการแข่งขันของยุโรปในตลาดโลกมีจำกัด ด้วยการเพาะปลูกพืชส่งออกที่สำคัญของยุโรปคือ ข้าวสาลี ซึ่งงานวิจัยและพัฒนาด้านจีเอ็มโอยังมีไม่มากนักในปัจจุบัน ในขณะที่ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงปศุสัตว์ของยุโรปมีสูงถึงครึ่งหนึ่งของการผลิตข้าวสาลี  

จากการศึกษาโดยบริษัทบริการล็อบบี้ด้านเทคโนชีวภาพระหว่างประเทศเพื่อการเข้าซื้อกิจการด้านเกษตรเทคโนโลยีชีวภาพประยุกต์ (
International Service for the Acquisition of Agri-Biotech Applications, ISAAA) พบว่าเมื่อปีที่ผ่านมา(2011) ทั่วโลกมีการปลูกพืชจีเอ็มโอเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 สูงเป็นประวัติการณ์คิดเป็นพื้นที่เท่ากับ 160 ล้านเฮกเตอร์
ในปี 2011 เกษตรกรยุโรปหว่านข้าวโพดจีเอ็มโอในพื้นที่ 114,490 เฮกเตอร์ ซึ่งเท่ากับร้อยละ 1 ของพื้นที่การปลูกข้าวโพดทั้งหมดของสหภาพยุโรป ในขณะที่มีการเพาะปลูกข้าวโพดจีเอ็มโอถึงร้อยละ 88 ในประเทศสหรัฐอเมริกา
เปนปลูกข้าวโพด MON810 คิดเป็นร้อยละ 85 ของพื้นที่ทั้งหมดของสหภาพยุโรปหรือประมาณหนึ่งในสี่ของข้าวโพดที่ปลูกทั้งหมดในประเทศ

ยุโรปสามารถหาตลาดสำหรับการส่งออกข้าวโพดเลี้ยงปศุสัตว์เพิ่มขึ้นได้ในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลางเพื่อเลี้ยงประชากรสัตว์ปีกที่กำลังเพิ่มขึ้น ปัจจุบันตลาดเหล่านี้มีการซื้อขายสินค้าส่วนใหญ่กับประเทศอาร์เจนตินา, บราซิล, สหรัฐอเมริกา, ยูเครนและบางครั้งกับฝรั่งเศส  

โดยการเพิ่มผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงปศุสัตว์ สหภาพยุโรปจะสามารถลดการนำเข้าพืชจีเอ็มโออื่นๆ เช่น ข้าวโพดข้าวเหนียวและกากถั่วเหลืองที่ใช้เลี้ยงปศุสัตว์จากปัจจุบันได้ถึงปีละประมาณ 30 ล้านตัน
“เป็นเรื่องน่าขำที่เราต้องนำเข้าพืชจีเอ็มโอมิฉะนั้นเราจะไม่สามารถอยู่รอดได้” Marc Van Montagu ประธานสภาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพแห่งสหภาพยุโรปกล่าว
บริษัทผลิตเมล็ดพันธุ์ชั้นนำของโลกบางบริษัทล้มเลิกแผนการพัฒนาพืชจีเอ็มโอเพื่อป้อนตลาดยุโรป เช่นบริษัทพืชศาสต​​ร์บีเอเอสเอฟ ซินเจนทา และ เบเยอร์ครอฟซายน์   ในขณะที่บริษัท ไบโอเทค เช่น มอนซานโต ลิมาเกรน และ KWS Saat ตัดงบวิจัยโครงการเล็กๆที่ดำเนินการในบางประเทศของยุโรปที่อนุญาตให้ปลูกพืชจีเอ็มโอลงแล้ว
เกษตรกรในประเทศฝรั่งเศสซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกธัญพืชรายใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรปกลัวการบินหนีของนักวิจัยของตนไปต่างประเทศจะมีผลกระทบที่สำคัญในระยะยาว

Guy Vasseur ประธานหอการค้าฝรั่งเศสเกษตรกล่าวว่า "นักวิจัยทั้งหมดตอนนี้ไปอยู่ต่างประเทศ นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจทนได้ ซึ่งไม่ช่วยให้เราเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต" "บางคนบอกว่าเราต้องรอพืชจีเอ็มโอรุ่นที่สอง แต่เมื่อคุณพลาดขั้นตอนแรกคุณก็จะพลาดขั้นที่สองและคุณมีโอกาสน้อยมากที่จะอยู่ในรุ่นต่อๆไป" เขากล่าวเสริม



ไม่ใช่เกษตรกรในยุโรปทั้งหมดที่ยอมรับว่าการเข้าถึงพืชจีเอ็มโอจะเป็นประโยชน์ "การเพาะปลูกของพืชจีเอ็มโอไม่เพียงนำไปสู่ปัญหาความปลอดภัยด้านอาหาร แต่ยังมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศ เช่น อิตาลี ซึ่งที่ดินและขนาดของฟาร์มมีลักษณะพิเศษเฉพาะที่การหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนต่อสิ่งแวดล้อมเป็นไปได้ยากยิ่ง" 
 นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์บางคนกล่าวว่าไม่เห็นความแตกต่างระหว่างการเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนจากการดัดแปลงพันธุกรรมเมื่อเทียบกับพืชทั่วๆไป
Herve Guyomard ผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์แห่งสถาบันวิจัยเพื่อการเกษตรแห่งชาติฝรั่งเศส(INRA)ศูนย์วิจัยฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป กล่าว "หากเรายังปล่อยความพยายามและดำเนินการวิจัยแบบเดิมๆซึ่งรวมถึงพันธุศาสตร์ แต่ไม่เอาพืช GMOs ก็มั่นใจได้ว่าเราจะไม่สามารถก้าวทันประเทศที่พัฒนาเทคโนโลยีจีเอ็มโอที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมผลผลิต"

แหล่งที่มา : ข่าวรอยเตอร์ http://planetark.org/wen/64730

No comments:

Post a Comment