สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข่าวด้านพลังงานหมุนเวียนของอียูว่า
– คณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวในแถลงการณ์ด้านกลยุทธ์ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 6 มิถุนายน
2012 ว่ายุโรปต้องให้ความเห็นชอบกับเป้าหมายในปี 2030 โดยเร็วที่สุดเพื่อกระตุ้นการลงทุนด้านพลังงานทดแทน
มิฉะนั้นการเจริญเติบโตของพลังงานสีเขียวจะมอดลงหลังจากปี 2020
หลายคนในภาคพลังงานหมุนเวียนเห็นด้วยว่ามีความจำเป็นที่จะต้องมีกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่ง
พวกเขาต้องการเป้าหมายที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย แต่บางประเทศสมาชิกในบรรดา 27 ประเทศของสหภาพยุโรปคัดค้านเป้าหมายตามกฎหมายใหม่ด้านพลังงานหมุนเวียนและจะยินดีมากกว่าหากจะไม่มีข้อผูกพันด้วยเงื่อนเวลาหรือไม่ก็ไม่ต้องมีเป้าหมายใดๆเลย
สหภาพยุโรปมีเป้าหมายที่มั่นคงที่จะเพิ่มส่วนแบ่งพลังงานทดแทนในพลังงานผสมให้ได้ถึงร้อยละ
20 ในปี 2020
ซึ่งนักวิเคราะห์และนักอุตสาหกรรมกล่าวว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใดและอาจบรรลุเกินเป้าหมายด้วยซ้ำ
นาย Guenther Oettinger กรรมาธิการด้านพลังงานกล่าวในแถลงการณ์ว่า"เราควรดำเนินการต่อเพื่อพัฒนาพลังงานทดแทนและส่งเสริมการแก้ปัญหาด้วยนวัตกรรมโดยวิธีที่ประหยัดค่าใช้จ่ายและมีประสิทธิภาพ"
"นั่นคือ
ผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ในทุกๆที่ที่มีผลคุ้มค่าทางเศรษฐกิจเพื่อขายภายในยุโรปดั่งเช่นที่เราเคยทำกับผลิตภัณฑ์และบริการอื่น
ๆ"
แนวคิดของคณะกรรมาธิการคือ
พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ควรจะสร้างขึ้นที่ใดก็ตามที่ถูกที่สุด
ตอกย้ำการสนับสนุนการตลาดแบบบูรณาการที่จะเชื่อมต่อไปยังทางตอนเหนือของแอฟริกาซึ่งมีศักยภาพในการสร้างเซลล์แสงอาทิตย์ขนาดใหญ่เพื่อป้อนพลังงานกลับไปยังยุโรป
แผนการอุดหนุนทางการเงินควรจะสอดคล้องกันทั้งอียู
คณะกรรมาธิการกล่าวเสริมว่าการเปลี่ยนแปลงทันทีทันใดอาจทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ดังนั้นเมื่อพลังงานทดแทนประสบความสำเร็จมากขึ้นๆ จึงควรค่อยๆถอนเงินอุดหนุนออกทีละน้อยๆ
ทั้งนี้พลังงานหมุนเวียนจะต้องสามารถพิสูจน์ตัวเองว่ามีคุณค่าในตลาดต่างประเทศดั่งเช่นสินค้าและบริการอื่น
ๆทั้งหมด
เมื่อมองไปหลังปี 2020 นาย Oettinger กล่าวว่าเขาต้องการความตกลงเกี่ยวกับนโยบายใหม่ก่อนที่วาระของคณะกรรมการชุดปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในปี
2014
การสื่อสารด้านพลังงานหมุนเวียนเพียงวางแบบสถานการณ์สำหรับวิธีการที่จะดำเนินการตามเป้าหมายผูกพันด้านพลังงานหมุนเวียนไปที่ร้อยละ
20 ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดของสามเป้าหมายพลังงานสีเขียวที่จะต้องประสบความสำเร็จในปี
2020 เป้าหมายอื่น ๆ จะใช้สำหรับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงร้อยละ
20 และลดการใช้พลังงานลงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับระดับที่คาดการณ์ไว้
"หากไม่มีกรอบที่เหมาะสมหลังปี
2020 อัตราการเติบโตของพลังงานหมุนเวียนจะตกต่ำลง" คณะกรรมาธิการกล่าวในแถลงการณ์
ตัวเลือกอื่นรวมเป้าหมายใหม่สำหรับการลดการปล่อยก๊าซ
แต่ไม่มีเป้าหมายด้านพลังงานทดแทน นั่นจะทำให้เหลือโครงการขายคาร์บอนของสหภาพยุโรป
(ETS) เป็นเครื่องมือหลักเดียวที่จะตัดลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน
ประเทศสหราชอาณาจักร เป็นต้น
กล่าวว่าควรเน้นการกำหนดเป้าหมายด้านคาร์บอนและพลังงานทดแทนซึ่งจะช่วยกำหนดเป้าหมายพลังงานคาร์บอนต่ำในรุ่นต่อไป
เช่น พลังงานจากก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลจากรุ่นที่มีความเข้มข้นคาร์บอนต่ำ
พลังงานนิวเคลียร์รุ่นปลอดคาร์บอนหรือแม้กระทั่งพลังงานรูปแบบอื่นๆที่มียังมีข้อด้อยอยู่
ในขณะที่ยังมีอีกหลายคนในภาคอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนกล่าวถึงค่าการตลาดของคาร์บอนที่ตกต่ำลงกว่า
7 ยูโร –
ซึ่งต่ำกว่าราคากลาง 20 - 50 ยูโรที่นักวิเคราะห์กล่าวว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการลงทุนด้านคาร์บอนต่ำมาก
– ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องกำหนดค่าเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียน
ตัวเลือกที่สองตามที่ระบุไว้ในเอกสารของคณะกรรมาธิการ
คือ แทนที่สามเป้าหมายในปี 2020
ด้วยสามเป้าหมายในปี 2030 ซึ่งอาจเป็นเป้าหมายระดับชาติหรือเป้าหมายร่วมของสหภาพยุโรปก็ได้
ทั้งนี้ขึ้นกับการตัดสินใจของประเทศสมาชิกว่าจะเลือกตัวเลือกใด
นาย Oettinger กล่าวว่าเขาจะไม่ตัดสินใจเกี่ยวกับตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่ง ให้ขึ้นกับประเทศสมาชิกที่จะอภิปรายความเป็นไปได้
นาย Peter Altmaier รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของเยอรมนีอ้าแขนรับกลยุทธ์ดังกล่าวด้วยความยินดี
แต่มีแนวคิดคล้อยตามแผนการสนับสนุนของสหภาพยุโรปอย่างกลมกลืน และกล่าวเสริมว่า "คณะกรรมาธิการยุโรปได้ส่งสัญญาณแรกที่สำคัญต่อกลยุทธ์ด้านพลังงานทดแทนในปี
2020 ทันเวลาที่จะวางแผนการลงทุนในกรอบตามเงื่อนไขที่เชื่อถือได้"
"แต่ความสามารถในการเคลื่อนตัวไปตามศักยภาพการพัฒนาของประเทศสมาชิกก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน
ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามแผนมาตรฐานการสนับสนุนของสหภาพยุโรปอย่างกลมกลืน"
ในบรรดาข้อเสนอต่างๆ องค์กรร่วมด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนในยุโรป(EREC) เสนอให้เพิ่มความใฝ่ฝันที่แข็งแกร่งและทะเยอทะยานด้านพลังงานทดแทนของประเทศในยุโรป
โดยกระตุ้นให้เพิ่มเป้าหมายผูกพันเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการใช้พลังงานหมุนเวียนถึงร้อยละ
45 ของพลังงานผสมในปี 2030 อีกทั้งยังต้องการให้เพิ่มเป้าหมายการลดคาร์บอนไปที่ร้อยละ
30 จากร้อยละ 20 ในปี 2020
นาย Arthouros Zervos, ประธาน
EREC และผู้บริหารระดับสูงจากผู้ผลิตไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของกรีซกล่าวว่า
"นี่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้"
ในขณะที่สมาคมพลังงานลมแห่งยุโรปกล่าวว่าการเติบโตที่แข็งแกร่งด้านพลังงานทดแทน
จะสามารถสร้างงานในปี 2030 ได้มากกว่า
3 ล้านอัตราเลยทีเดียว
No comments:
Post a Comment