19 October 2012

ศาลยุติธรรมของสหภาพยุโรปตัดสินว่าอังกฤษมีความผิดฐานปล่อยน้ำทิ้งเข้าทางน้ำของยุโรป

จากคำตัดสินของศาลยุติธรรมของสหภาพยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม 2012 อังกฤษเผชิญกับค่าปรับจำนวนมหาศาลเนื่องจากละเมิดกฎหมายการบำบัดน้ำเสียหลังการใช้ของสหภาพยุโรปในตอนเหนือของประเทศอังกฤษและลอนดอน ส่งผลให้มีน้ำทิ้งไหลเข้าทางน้ำของยุโรปทำให้น้ำเสียซึ่งอาจมีเชื้อโรคหรือสารพิษปนเปื้อนเข้าสู่ระบบ
ศาลมีอำนาจที่จะเรียกเก็บค่าปรับหลายพันยูโรต่อวัน แต่ขณะนี้ยังไม่ตัดสินว่าค่าปรับจะเป็นเท่าใด ภายใต้กฎหมายของสหภาพยุโรปที่เรียกว่า “คำสั่ง (directive )” ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 1991 อังกฤษจึงถูกบังคับให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการบำบัดน้ำเสียใหม่นี้เช่นเดียวกับประเทศสมาชิกอื่น ๆ แต่อังกฤษไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ตอนหนึ่งของคำตัดสินแห่งศาลลักเซมเบิร์กกล่าวว่า "สหราชอาณาจักรล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อผูกพันของตนภายใต้ directive" ในคำแถลงของศาลกล่าวว่า “โรงงานใน Whitburn ซึ่งอยู่ตอนเหนือของประเทศอังกฤษและในลอนดอนทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในระบบระบายน้ำของท้องถิ่น ซึ่งระบบระบายน้ำของลอนดอนส่วนมากสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยวิกตอเรียและเคยปล่อยน้ำดิบเสียลงสู่แม่น้ำเทมส์เมื่อฝนตกหนักท่วมอุโมงค์ที่มีใช้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ดูเหมือนว่าโรงบำบัดน้ำเสียของลอนดอนจะสามารถจัดเก็บน้ำเสียได้เพียงพอในสภาพอากาศปกติ แต่มีความจุไม่เพียงพอเมื่อมีฝนตก"
สหราชอาณาจักรโต้แย้งว่าได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรปแล้วแต่คำโต้แย้งไม่มีน้ำหนักเพียงพอต่อศาล ศาลกล่าวว่า "รัฐสมาชิกอาจไม่สารภาพความยากลำบากในทางปฏิบัติหรือการบริหารเพื่อปฏิบัติตามภาระผูกพันตามเงื่อนเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของประเทศสมาชิกฯ ที่จะนำมาตรการที่เหมาะสมมาใช้เพื่อบรรลุตามเงื่อนไข" ลอนดอนได้รับมอบหมายให้สร้างอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า 'ท่อระบายน้ำซุปเปอร์' ใต้แม่น้ำเทมส์เพื่อแก้ปัญหาความจุของระบบการจัดเก็บน้ำเสียของเมืองซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 4000 ล้านปอนด์ แต่โดนคัดค้านโดยประชาชนและนักการเมืองท้องถิ่นเพราะค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะทำให้ต้องจ่ายค่าน้ำสูงขึ้น ในปี 2010 คณะกรรมาธิการยุโรปขอให้ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปปรับประเทศเบลเยียมสูงถึง 15 ล้านยูโรสำหรับการละเมิดกฎหมายการบำบัดน้ำเสีย คิดเป็นค่าปรับสูงถึงวันละ 62,000 ยูโร (2.48 ล้านบาท)ซึ่งคาดว่าศาลอาจนำมาใช้เป็นบรรทัดฐานในการคิดค่าปรับสหราชอาณาจักรของการกระทำผิดในครั้งนี้

18 October 2012

EU sanctions target Iran oil, gas, tanker companies

เมื่อวันอังคารที่ 17 ตุลาคม 2555 รัฐบาลของสหภาพยุโรปประกาศท่าทีตอบโต้โปรแกรมนิวเคลียร์ที่เตหะราน โดยจำกัดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกลางแก่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของประเทศอิหร่านถึง 30 บริษัทซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ ประเทศอเมริกาและสหภาพยุโรประงับการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านอย่างสิ้นเชิงเพื่อกดดันอิหร่านเรื่องโปรแกรมนิวเคลียร์และพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าแซกแทรงกิจการการค้าน้ำมันของอิหร่านในตลาดอื่นๆอีกด้วย ยักษ์ใหญ่จับมือกัน...คงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าอิหร่านจะทำอย่างไรเพื่อให้หลุดพ้นจากหายนะนี้โดยที่ไม่ต้องเปิดเผยโครงการนิวเคลียร์ของตนให้ชาวโลกรู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่......

ขอบข่ายโครงการความร่วมมือของสหภาพยุโรปด้านการวิจัยและนวัตกรรม(Horizon ๒๐๒๐)

"Horizon ๒๐๒๐" เป็นชื่อเรียกขอบข่ายโครงการความร่วมมือด้านการวิจัยและนวัตกรรมของสหภาพยุโรปฉบับใหม่ต่อจากกรอบโครงการความร่วมมือฉบับที่ ๗ (FP7) เพื่อสนับสนุนความคิดริเริ่มของคณะกรรมาธิการยุโรปด้านการวิจัยและนวัตกรรมที่ตั้งธงไว้ที่ปี ค.ศ. ๒๐๒๐ ซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นในวันที่ ๑ มกราคม ๒๐๑๔ ข้อเสนอของสหภาพยุโรปขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการอภิปรายในรัฐสภายุโรปและคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป โครงสร้างที่คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอประกอบด้วยลำดับความสำคัญขั้นพื้นฐานสามลำดับ คือ ๑. เป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์ ๒. เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรม ๓. สนองตอบความท้าทายทางสังคม ความแตกต่างหลักระหว่าง FP7 และ ฮอไรซอน ๒๐๒๐ ประกอบด้วย: (๑)นำการวิจัยและนวัตกรรมมารวมไว้ในโปรแกรมเดียว (๒)มุ่งเน้นไปที่ความท้าทายทางสังคมในสหสาขาวิชาชีพที่ประชาคมยุโรปกำลังเผชิญอยู่ (๓)ทำให้การทำงานร่วมกันของทุก บริษัท มหาวิทยาลัยและสถาบันอื่น ๆ ในทุกประเทศในสหภาพยุโรปและนอกสหภาพยุโรปง่ายขึ้น
ฮอไรซอน ๒๐๒๐ เป็นอุปกรณ์ทางการเงินเพื่อสนับสนุนการริเริ่มดำเนินงานด้านนวัตกรรมของสหภาพยุโรปที่ตั้งเป้าหมายไว้ในปี ค.ศ. ๒๐๒๐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของยุโรป ระหว่างปี ๒๐๑๔-๒๐๒๐ ด้วยเงินงบประมาณในการดำเนินการตามโปรแกรมใหม่ของสหภาพยุโรปเพื่อการวิจัยและนวัตกรรมสูงถึง ๘๐,๐๐๐ ล้านยูโร นับเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันเพื่อสร้างการเจริญเติบโตและการจ้างงานใหม่ในยุโรป ฮอไรซอน ๒๐๒๐ เสนอช่องทางที่ง่ายขึ้นภายใต้กฎชุดเดียวกันโดยรวมเงินทุนด้านการวิจัยและนวัตกรรมทั้งหมดซึ่งในปัจจุบันมีการให้ทุนสนับสนุนผ่านโครงการเพื่อการพัฒนากรอบการวิจัยและเทคนิค กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมในการแข่งขันและขอบข่ายงานโครงการนวัตกรรม ( CIP ) และสถาบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งยุโรป ( EIT ) รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว การสนับสนุนข้อเสนอการวิจัยและนวัตกรรมภายใต้ Horizon ๒๐๒๐ จะ: @เสริมสร้างความแข็งแกร่งของสหภาพยุโรปด้านวิทยาศาสตร์โดยมีงบประมาณเฉพาะจำนวน ๒๔,๕๙๘ ล้านยูโร เพื่อช่วยเพิ่มการวิจัยระดับบนสุดในยุโรปรวมทั้งเพิ่มเงินทุนให้แก่คณะกรรมการวิจัยยุโรป( ERC ) ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากถึง ๗๗% @วงเงินงบประมาณ ๑๗,๙๓๘ ล้านยูโรเพื่อสร้างความเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมในการสร้างสรรค์นวัตกรรม รวมทั้งการลงทุนที่สำคัญในเทคโนโลยีที่สำคัญและการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดเล็ก SMEs ให้มากยิ่งขึ้น @ วงเงินงบประมาณ ๓๑,๗๔๘ ล้านยูโรเพื่อช่วยระบุความกังวลร่วมของยุโรปเช่นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การพัฒนาระบบขนส่งอย่างยั่งยืนและการเคลื่อนย้าย การผลิตพลังงานทดแทนที่ราคาไม่แพงมาก สร้างมั่นใจด้านความปลอดภัยของอาหารและการรักษาความปลอดภัยหรือการรับมือกับความท้าทายของประชากรผู้สูงอายุ ฮอไรซอน ๒๐๒๐ จะรับมือกับความท้าทายทางสังคมด้วยการช่วยลดช่องว่างระหว่างการวิจัยและการตลาดโดยช่วยองค์กรในการพัฒนานวัตกรรมการคิดค้นทางเทคโนโลยีของพวกเขาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริงและมีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ เป็นวิธีการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยการนำภาคเอกชนและรัฐสมาชิกมาทำงานรวมกันโดยร่วมใช้ทรัพยากรที่จำเป็น ความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นหัวใจสำคัญลำดับแรกๆของฮอไรซอน ๒๐๒๐ นอกเหนือจากการเปิดกว้างให้มีความร่วมมือระหว่างประเทศแล้ว ฮอไรซอน ๒๐๒๐ ยังมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมการดำเนินการระหว่างประเทศเป้าหมายกับประเทศคู่ค้าสำคัญและกับภูมิภาคสำคัญตามยุทธศาสตร์ของสหภาพยุโรป ในกลยุทธ์ใหม่ ซึ่งกลยุทธ์และความเชื่อมโยงที่มีตลอดโครงการก็เพื่อทำให้มั่นใจว่ามีความร่วมมือระหว่างประเทศตามกรอบความร่วมมือฮอไรซอน ๒๐๒๐ ฮอไรซอน ๒๐๒๐ จะสมบูรณ์ด้วยมาตรการเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์ในการพัฒนาสาขาการวิจัยของยุโรป ในปี ค.ศ. ๒๐๑๔ มาตรการเหล่านี้จะมุ่งทำลายอุปสรรคการสร้างตลาดเดียวสำหรับความรู้การวิจัยและนวัตกรรมอย่างแท้จริง