นักวิจัยในประเทศจีน อิตาลีและอังกฤษ
ค้นพบยีนที่ทำให้เกิดเม็ดสีของส้มสีเลือดและการควบคุมการทำงานของยีน
ผลการวิจัยตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร The Plant Cell การค้นพบครั้งนี้มีส่วนช่วยในการพัฒนาด้านสุขภาพ การส่งเสริมส้มสีเลือด
และนำไปสู่การแก้ปัญหาใหม่สำหรับคนไข้ที่ได้รับความทุกข์ยากจากโรคหลอดเลือดหัวใจ
โรคอ้วนและโรคเบาหวาน
การศึกษานี้ได้รับทุนสนับสนุนจากกรอบแผนงานฉบับที่ 6 ของอียูภายใต้หัวข้อคุณภาพอาหารและความปลอดภัย และทุนสนับสนุนจากกรอบแผนงานฉบับที่
7 ของอียูภายใต้หัวข้อ อาหาร การเกษตร การประมง
และเทคโนโลยีชีวภาพ
การวิจัยนำโดยนักวิจัยจากศูนย์จอห์น
อินเนส ในประเทศอังกฤษ รายงานว่าปกติส้มสีเลือดต้องการอากาศเย็นเป็นตัวเร่งเพื่อพัฒนาเม็ดสีแดง
ดังนั้นพื้นที่แถวเทือกเขาเอทน่าในประเทศอิตาลีจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกส้มชนิดนี้
ซึ่งในเวลากลางวันมีแสงแดดและเวลากลางคืนมีอากาศเย็น กลางวันที่มีแดด และอบอุ่นในเวลากลางคืนก็เช่นเดียวกันเป็นสภาวะที่ดีที่สุดในการผลิตส้มสีเลือดที่พบในเขตพื้นที่ของอิตาลี ในการศึกษานี้นักวิจัยตั้งชื่อยีนที่มีส่วนสำคัญในการเกิดเม็ดสีของส้มสีเลือดว่า
รูบี้ (Ruby) ซึ่งมีสีแดงทับทิม
ศาสตราจารย์ แคทธี
มาร์ติน จากศูนย์จอห์น อินเนส กล่าวว่า “ส้มสีเลือดมีเม็ดสีที่เกิดโดยธรรมชาติซึ่งมีส่วนสัมพันธ์กับการพัฒนาสุขภาพของหลอดเลือดหัวใจ
การควบคุมโรคเบาหวาน และการลดโรคอ้วน ความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของส้มทำให้เข้าใจเรื่องพันธุวิศวกรรมเพื่อปลูกส้มสีเลือดในสภาพอากาศที่อบอุ่นมากขึ้น”
เม็ดสีที่ทำให้ผลไม้เป็นสีแดง
ม่วงและฟ้าคือ สารแอนโธไซยานินและฟราวโวนอยส์
จากการศึกษาก่อนหน้านั้นของงานวิจัยเกี่ยวกับอาหารที่มีสารแอนโธไซยานินสูง
ระบุว่าการดื่มน้ำส้มจากส้มสีเลือดจะลดภาวการณ์ที่เซลล์ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระเนื่องจากความเครียด
(Oxidative stress) ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
และป้องกันการทำลายดีเอ็นเอจากสภาวะออกซิเดชันและลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ
นักวิจัยแยกยีนรูบี้ออกจากส้มสีเลือดและส้มสีทอง
พบว่ายีนเม็ดสีนี้ถูกควบคุมโดยยีนที่สามารถย้ายจากโครโมโซมหนึ่งไปอีกโครโมโซมหนึ่งได้
(Mobile genetic elements) ซึ่งถูกกระตุ้นโดยความเครียดจากความเย็น
ส้มสีเลือดเป็นอนุพันธุ์ของส้มหวานที่ปลูกกันทั่วโลก การศึกษาล่าสุดยังยืนยันว่าส้มหวานเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างส้มโอกับส้มแมนดาริน
ที่มา: cordis
news 10 เมษายน 2555
No comments:
Post a Comment