16 July 2012

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเออีได้รับใบรับรองด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานวันนี้(16 ก.ค. 2012) ว่า- บรรษัทพลังงานนิวเคลียร์อีมิเรตส์ (Emirates Nuclear Energy Corporation, ENEC) แถลงข่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ก.ค. 2012 ว่าหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของอาบูดาบีอนุมัติแผนสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้ว แต่บรรษัทยังไม่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง

ใบรับรองด้านสิ่งแวดล้อมจากการหน่วยงานกำกับด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในหลายใบอนุมัติที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 หน่วยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ณ เมืองบรากาห์ (Brakah)

นายโมฮาแหม็ด อัลแฮมมาดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ENEC กล่าวว่า "พลังงานนิวเคลียร์เป็นหนึ่งในหลายวิธีที่อาบูดาบีจะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะพิทักษ์สิ่งแวดล้อม และพลังงานนิวเคลียร์ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนเลยแม้แต่น้อยในระหว่างการดำเนินงาน"

ตอนหนึ่งในการแถลงข่าวเขากล่าวว่า "ในปี 2020 จะมีพลังงานนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้าสี่โรงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าคาร์บอนต่ำ 5,600 เมกะวัตต์ เพื่อป้อนเข้าสู่ระบบสายส่งพลังงานไฟฟ้าแห่งชาติ" การเพิ่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าวจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ประมาณ 12 ล้านตันต่อปี

ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ยูเออี (UAE) เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหัวสูงที่สุดในโลก ในเดือนธันวาคม 2009 ประเทศเกาหลีนำโดย Electric Power Corporation (KEPCO) ชนะการประมูลสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จำนวน 4 โรงในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของเกาหลีพัฒนาจากเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าต้นแบบของสหรัฐอเมริกา
ผลจากอุบัติเหตุนิวเคลียร์ ณ เมือง ฟูกูชิมา ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้วเนื่องมาจากแผ่นดินไหวใหญ่และคลื่นสึนามิ ทำให้บางประเทศต้องพิจารณาความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ของพวกเขาใหม่ ยูเออีมีความต้องการที่จะลดการพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ แต่หลังจากยื่นขออนุญาตก่อสร้างเมื่อเดือนธันวาคม 2010 จนถึงขณะนี้ ENEC ยังไม่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างจากหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ของรัฐบาลกลาง (Federal Authority of Nuclear Regulation, FANR)

No comments:

Post a Comment